มาเล่นกีตาร์กันเถอะ
เล่นดนตรีไม่เป็น ก็เป็นนักดนตรีได้ เล่นดนตรีได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นนักดนตรี...(***นักดนตรีอาชีพหมายถึงคนที่เล่นดนตรีเลี้ยงชีพเป็นกิจจะลักษณะ***)
ตัวผมเองเป็นนักดนตรี(ตั้งแต่เล่นดนตรีไม่เป็น.....กว่าสิบปีมาแล้ว หลังจากธุรกิจส่วนตัวของผมล้มเหลว ไม่มีงานทำ เลยรวมตัวกับเพื่อนรุ่นอา ซึ่งก็อยู่ในสถานะไกล้เคียงกัน และด้วยความที่เค้าเป็นนักดนตรีเก่า(ยุคแจ้ยังไม่ดัง แมคอินทอชยังไม่แจ้งเกิด) ก็เลยตั้งวงดนตรีเล่นตามงานเลี้ยงกัน พี่เหวตเป็นมือกีตาร์(ถือว่าฝีมือเก่งกาจพอตัว ในแบบนักดนตรียุคเก่า) ตัวผมเป็นมือคีย์บอร์ด (ซึ่งเล่นคีย์บอร์ดไม่เป็น) ขนาดที่รู้แค่ โด เร มี คอร์ดจับไม่เป็นสักคอร์ด การเล่นคีย์บอร์ดของผมคือ การเลือกเพลงจากฟรอบปี้ดิส กดเพลย์ แล้วทำท่ากดคีย์ (เครื่องรุ่นนั้นกดโดนคีย์ไม่ได้ด้วย เพราะมันจะเป็นเสียงเปียโนออกมา ต้องกดที่ขอบใต้คีย์ให้เครื่องมันสั่นๆตามจังหวะ(เคยมีคนชมว่าเล่นเก่งด้วย)) เล่นประจำอยู่ในคอฟฟี่ชอบโรงแรมระดับ 4 ดาว ตรงนั้นเค้าจะมีสัญญาเล่นคราวละ 6 เดือน พอหมดสัญญาโรงแรมก็ให้ต่ออีก(เค้าชอบ)
ถึงตอนนั้น...จากที่เราทนเซ็งตัวเองมานาน จนเกิดจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เพิ่งจะคิดได้ว่าควรเล่นจริงๆ พยายามเล่นคีย์บอร์ดโดยศึกษาเอาจากหนังสือ หัดเป็นเดือนก็เล่นได้แค่ทีละมือ ไม่สามารถเล่นเมโลดี้และคอร์ดพร้อมกันได้ จนเบื่อและเปลี่ยนเป้าหมายไปหากีตาร์ ซึ่งพอมีพื้นฐานอยู่บ้าง (จับสี่คอร์ดทะลุโลกได้ (C Am Dm G7) ตีคอร์ดก็อกๆแก็กๆ เพราะสมัยเรียนผมเป็นนักร้องเพลงเพื่อชีวิต เวลารวมวงกันก็ต้องถือกีตาร์ไว้โก้ๆแหละ)
นักดนตรีสมัยก่อนรวยนะครับ ผมไปซื้อกีตาร์หลังเต่าโอเวชั่นรุ่นถูก(11,500 บาท) กลับบ้านพร้อมหนังสือปิคกิ้ง(ที่เล่มขาวๆหนาๆ(ซึ่งเล่มนี้ซื้อเป็นครั้งที่ 3 หลังจากเผาทิ้งไป 2 รอบเมื่อสมัยเล่นดนตรีด้วยแรงบันดาลใจพื้นฐาน(เรื่องแรงบันดาลใจก็น่าเขียน เอาไว้รอบหน้านะ))) ผมอ่านหนังสือเก่งขึ้นกว่าตอนเด็กๆ ใช้เวลาไม่นาน (เดือนนึงมั้ง) ก็สามารถเกากีตาร์ตามแบบ ของหนังสือได้เกือบหมด (แต่พอเรียนดนตรีแล้วต้องย้อนกลับไปฮาอยู่หลายหน) ยกเว้นอีกค่อนเล่มมันยากเกิน
แล้ววันหนึ่งได้แวะเวียนไปหาน้องผึ้งกะน้องนาที่นครหลวงการดนตรี เห็นกีตาร์ประหลาดๆ เป็นกีตาร์คลาสสิคชายเว้า สีซีดๆมองเข้าไปในบอดี้เห็นเค้าพิมพ์ว่า แฮนด์เมด อิน บราซิล(เรื่องนี้ก็น่าสนใจ ไว้ว่ากันในหมวดกีตาร์แฮนด์เมดอีกรอบ) คือเราเพิ่งอ่านหนังสือปิคกิ้งไปหยกๆว่าแฮนด์เมดนั้นมันสุดยอดของกีตาร์ และไม้จาคาแรนด้าของบราซิลก็เป็นสุดยอดไม้ด้วย เราลองดีดมันดูกิ๊งเดียวได้เรื่องเลย นี่แหละสุดยอดของกีตาร์ กดเอทีเอ็มทันที 14,500 บาท กลับบ้านนั่งดีดนั่งเกาอย่างมีความสุข พร้อมนึกย้อนไปถึง คำพูดของผู้หญิงที่แสนสวยคนหนึ่ง(รออ่านรายละเอียดในเรื่อง "แรงบันดาลใจพื้นฐาน") "เค้าเรียกว่า เพลงคลาสสิค" ในหนังสือปิคกิ้งก็เขียนไว้ด้วยว่า..."สำหรับคนที่เล่นกีตาร์คลาสสิคได้แล้วถือว่าสุดยอด จะฝึกเล่นในแนวทางอื่นก็ไม่ยาก" กลับไปที่แผงหนังสือ หยิบ"บทเพลงกีตาร์คลาสสิค" จ่ายตังแล้วกลับบ้านเพื่อไปนั่งงง ว่า...กูซื้อมาทำไมวะ... ทั้งเล่มมีแต่ตัวโน้ต
หนทางเดียวที่จะเล่นคลาสสิคเป็นได้คือต้องเรียนเท่านั้น
....กีตาร์คลาสสิคก็มีแล้ว โน้ตเพลงก็มีแล้ว ศรัทธา(สำคัญมากนะครับ--ฝากไว้ให้ไปคิด)ก็มีแล้ว ขาดอย่างเดียวคือปัญญา หลังจากวนเวียนสับสนในความคิดอยู่หลายวันก็ตัดสินใจไปที่โรงเรียนดนตรีของอาจารย์อ้วน(กีรตินันท์ สดประเสริฐ) พร้อมกับได้รับคำตอบที่น่าผิดหวัง"ผมไม่สอนพื้นฐานครับ ผมให้หลานผมสอนอยู่" มาถึงนี่แล้วเราก็อยากเรียนกับเจ้าสำนักถ้าไม่ได้เรียนก็ช่างเหอะ โชคชะตามาพลิกผันอีกครั้งเมื่อ อ.พูดกับผมว่า "เล่นหมากรุกเป็นมั๊ย"...ผมตอบว่า"ได้เลยครับ" หลังจาก 3 กระดานผ่านไป "คุณมาเรียนกับผมก็ได้ จะได้มาเล่นหมากรุกด้วยกัน" ผมจำได้ครับ นั่นเป็นวันหนึ่ง ในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2539
ขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์อ้วนมา ณ ที่นี้ด้วยครับ........ว่าถึงเรื่องการเรียน(ผมเรียนกับ อ.อ้วนแค่ 4 เดือน (ค่าเรียนแพง 1500สมัยนั้น)) สัปดาห์แรกที่เรียนสำคัญมาก อยากฝากไว้สำหรับผู้ที่จะจริงจังกับกีตาร์ ไม่ได้มีอะไรให้ทำมากนัก แต่เป็นการทำความเข้าใจในเรื่อง วินัย รสนิยม ความแตกต่างของดนตรี บทฝึกของสัปดาห์แรกคือ ดีดสายเปล่าสาย 1 อย่างเดียว(เน้นว่าอย่างเดียวจริงๆ) โดยการสลับนิ้วในแบบต่างๆ เช่น ชี้ กลาง ชี้ กลาง....กลาง นาง กลาง นาง ..........ชี้ นาง ชี้ นาง (และอื่นๆ) ต้องดีดในหัวข้อนี้ อย่างละ 5 นาทีต่อเนื่องกันเป็นอย่างน้อย ถ้าคุณทำแค่นี้ไม่ได้ ก็เลิกเหอะ(ผมจำได้ว่า ตัวเองซ้อมวนอยู่อย่างนั้นวันละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง) สาเหตุเดียวที่จะปฎิบัติตามแบบฝึกนี้ไม่ได้ก็คือ ความคิดของคุณเอง "ดีดอยู่แค่เนี้ย ใครๆ ก็ดีดได้ กินเงินค่าสอนฟรีนี่หว่า" ครับ จบเลยครับเลิกเล่นไปได้เลยครับ
มีเหตุผลหลักๆอยู่ 2 ประการในการเป็นนักเล่นกีตาร์ที่จะมีอนาคตที่สดใส
หนึ่ง วินัย..สำคัญมาก ถ้าคุณปฎิบัติแบบโง่ๆเซ่อๆ นี้ได้ด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังแล้ว แสดงว่า ต่อไปคุณก็จะมีวินัยในการซ้อมอย่างสม่ำเสมอ อย่างอดทน อย่าใจร้อนด่วนได้
สอง กีตาร์คลาสสิคต้องใช้ประสาทสัมผัสอันเป็นเลิศ เหนือมนุษย์ธรรมดาจะมีได้(ที่ผมเรียกว่า มั่วมาก กล่าวคือ นิ้วไหนจะไปดีดสายไหนก็ได้ตอนไหนก็ได้แรงเบาอย่างไรก็ได้ ด้วยมุมของมือเท่าไหร่ก็ได้ ตรงส่วนไหนของสายกีตาร์ก็ได้)
คราวนี้ไอ้สิ่งนี้มันไม่ใช่ความจำครับ มันคือ บุคลิกภาพ ซึ่งมันจะเกิดได้จากการทำอะไรที่ไม่ซับซ้อน ต่อเนื่องกันนานๆ **ข้อแม้คือ ต้องไม่ซับซ้อน(เมมโมรี่นี้ อยู่ในสมองน้อยในส่วนเดียวกับการทรงตัวและประสาทอัตโนมัติ ไม่ได้อยู่ที่สมองส่วนหน้าที่เราใช้ในการจำ)
....เป็นเวลา 4 เดือน ในช่วงวัย 31 ปีของผม จากพื้นฐานเกากีตาร์งูๆปลาๆจับคอร์ด F แบบบอดๆ เป็นเวลา 4 เดือนที่ทำให้ ผมอ่านโน้ตได้ เข้าใจพื้นฐานของการเล่นกีตาร์ และเรียนรู้วิธีที่จะพัฒนาตัวเอง ถ้าพูดให้เท่ห์ก็คือ... "พร้อมจะโบยบิน"
หลังจากนั้นไม่นานผมก็กลับไปเรียนกีตาร์อีกครั้งเพราะอยากได้วุฒิทางดนตรีให้เป็นเรื่องเป็นราว จึงเข้าเรียนที่ยามาฮ่ากับ อ.หน่อย รัชพล จนจบเกรด 6 ในเวลา 1 ปี (หลักสูตร 3 ปีครึ่ง) หลังจากนั้นก็สอบเข้าอบรมเป็นครูของยามาฮ่า และสอนกีตาร์เรื่อยมาจนทุกวันนี้ครับ อ.Beewam Pawak
ตัวผมเองเป็นนักดนตรี(ตั้งแต่เล่นดนตรีไม่เป็น.....กว่าสิบปีมาแล้ว หลังจากธุรกิจส่วนตัวของผมล้มเหลว ไม่มีงานทำ เลยรวมตัวกับเพื่อนรุ่นอา ซึ่งก็อยู่ในสถานะไกล้เคียงกัน และด้วยความที่เค้าเป็นนักดนตรีเก่า(ยุคแจ้ยังไม่ดัง แมคอินทอชยังไม่แจ้งเกิด) ก็เลยตั้งวงดนตรีเล่นตามงานเลี้ยงกัน พี่เหวตเป็นมือกีตาร์(ถือว่าฝีมือเก่งกาจพอตัว ในแบบนักดนตรียุคเก่า) ตัวผมเป็นมือคีย์บอร์ด (ซึ่งเล่นคีย์บอร์ดไม่เป็น) ขนาดที่รู้แค่ โด เร มี คอร์ดจับไม่เป็นสักคอร์ด การเล่นคีย์บอร์ดของผมคือ การเลือกเพลงจากฟรอบปี้ดิส กดเพลย์ แล้วทำท่ากดคีย์ (เครื่องรุ่นนั้นกดโดนคีย์ไม่ได้ด้วย เพราะมันจะเป็นเสียงเปียโนออกมา ต้องกดที่ขอบใต้คีย์ให้เครื่องมันสั่นๆตามจังหวะ(เคยมีคนชมว่าเล่นเก่งด้วย)) เล่นประจำอยู่ในคอฟฟี่ชอบโรงแรมระดับ 4 ดาว ตรงนั้นเค้าจะมีสัญญาเล่นคราวละ 6 เดือน พอหมดสัญญาโรงแรมก็ให้ต่ออีก(เค้าชอบ)
ถึงตอนนั้น...จากที่เราทนเซ็งตัวเองมานาน จนเกิดจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เพิ่งจะคิดได้ว่าควรเล่นจริงๆ พยายามเล่นคีย์บอร์ดโดยศึกษาเอาจากหนังสือ หัดเป็นเดือนก็เล่นได้แค่ทีละมือ ไม่สามารถเล่นเมโลดี้และคอร์ดพร้อมกันได้ จนเบื่อและเปลี่ยนเป้าหมายไปหากีตาร์ ซึ่งพอมีพื้นฐานอยู่บ้าง (จับสี่คอร์ดทะลุโลกได้ (C Am Dm G7) ตีคอร์ดก็อกๆแก็กๆ เพราะสมัยเรียนผมเป็นนักร้องเพลงเพื่อชีวิต เวลารวมวงกันก็ต้องถือกีตาร์ไว้โก้ๆแหละ)
นักดนตรีสมัยก่อนรวยนะครับ ผมไปซื้อกีตาร์หลังเต่าโอเวชั่นรุ่นถูก(11,500 บาท) กลับบ้านพร้อมหนังสือปิคกิ้ง(ที่เล่มขาวๆหนาๆ(ซึ่งเล่มนี้ซื้อเป็นครั้งที่ 3 หลังจากเผาทิ้งไป 2 รอบเมื่อสมัยเล่นดนตรีด้วยแรงบันดาลใจพื้นฐาน(เรื่องแรงบันดาลใจก็น่าเขียน เอาไว้รอบหน้านะ))) ผมอ่านหนังสือเก่งขึ้นกว่าตอนเด็กๆ ใช้เวลาไม่นาน (เดือนนึงมั้ง) ก็สามารถเกากีตาร์ตามแบบ ของหนังสือได้เกือบหมด (แต่พอเรียนดนตรีแล้วต้องย้อนกลับไปฮาอยู่หลายหน) ยกเว้นอีกค่อนเล่มมันยากเกิน
แล้ววันหนึ่งได้แวะเวียนไปหาน้องผึ้งกะน้องนาที่นครหลวงการดนตรี เห็นกีตาร์ประหลาดๆ เป็นกีตาร์คลาสสิคชายเว้า สีซีดๆมองเข้าไปในบอดี้เห็นเค้าพิมพ์ว่า แฮนด์เมด อิน บราซิล(เรื่องนี้ก็น่าสนใจ ไว้ว่ากันในหมวดกีตาร์แฮนด์เมดอีกรอบ) คือเราเพิ่งอ่านหนังสือปิคกิ้งไปหยกๆว่าแฮนด์เมดนั้นมันสุดยอดของกีตาร์ และไม้จาคาแรนด้าของบราซิลก็เป็นสุดยอดไม้ด้วย เราลองดีดมันดูกิ๊งเดียวได้เรื่องเลย นี่แหละสุดยอดของกีตาร์ กดเอทีเอ็มทันที 14,500 บาท กลับบ้านนั่งดีดนั่งเกาอย่างมีความสุข พร้อมนึกย้อนไปถึง คำพูดของผู้หญิงที่แสนสวยคนหนึ่ง(รออ่านรายละเอียดในเรื่อง "แรงบันดาลใจพื้นฐาน") "เค้าเรียกว่า เพลงคลาสสิค" ในหนังสือปิคกิ้งก็เขียนไว้ด้วยว่า..."สำหรับคนที่เล่นกีตาร์คลาสสิคได้แล้วถือว่าสุดยอด จะฝึกเล่นในแนวทางอื่นก็ไม่ยาก" กลับไปที่แผงหนังสือ หยิบ"บทเพลงกีตาร์คลาสสิค" จ่ายตังแล้วกลับบ้านเพื่อไปนั่งงง ว่า...กูซื้อมาทำไมวะ... ทั้งเล่มมีแต่ตัวโน้ต
หนทางเดียวที่จะเล่นคลาสสิคเป็นได้คือต้องเรียนเท่านั้น
....กีตาร์คลาสสิคก็มีแล้ว โน้ตเพลงก็มีแล้ว ศรัทธา(สำคัญมากนะครับ--ฝากไว้ให้ไปคิด)ก็มีแล้ว ขาดอย่างเดียวคือปัญญา หลังจากวนเวียนสับสนในความคิดอยู่หลายวันก็ตัดสินใจไปที่โรงเรียนดนตรีของอาจารย์อ้วน(กีรตินันท์ สดประเสริฐ) พร้อมกับได้รับคำตอบที่น่าผิดหวัง"ผมไม่สอนพื้นฐานครับ ผมให้หลานผมสอนอยู่" มาถึงนี่แล้วเราก็อยากเรียนกับเจ้าสำนักถ้าไม่ได้เรียนก็ช่างเหอะ โชคชะตามาพลิกผันอีกครั้งเมื่อ อ.พูดกับผมว่า "เล่นหมากรุกเป็นมั๊ย"...ผมตอบว่า"ได้เลยครับ" หลังจาก 3 กระดานผ่านไป "คุณมาเรียนกับผมก็ได้ จะได้มาเล่นหมากรุกด้วยกัน" ผมจำได้ครับ นั่นเป็นวันหนึ่ง ในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2539
ขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์อ้วนมา ณ ที่นี้ด้วยครับ........ว่าถึงเรื่องการเรียน(ผมเรียนกับ อ.อ้วนแค่ 4 เดือน (ค่าเรียนแพง 1500สมัยนั้น)) สัปดาห์แรกที่เรียนสำคัญมาก อยากฝากไว้สำหรับผู้ที่จะจริงจังกับกีตาร์ ไม่ได้มีอะไรให้ทำมากนัก แต่เป็นการทำความเข้าใจในเรื่อง วินัย รสนิยม ความแตกต่างของดนตรี บทฝึกของสัปดาห์แรกคือ ดีดสายเปล่าสาย 1 อย่างเดียว(เน้นว่าอย่างเดียวจริงๆ) โดยการสลับนิ้วในแบบต่างๆ เช่น ชี้ กลาง ชี้ กลาง....กลาง นาง กลาง นาง ..........ชี้ นาง ชี้ นาง (และอื่นๆ) ต้องดีดในหัวข้อนี้ อย่างละ 5 นาทีต่อเนื่องกันเป็นอย่างน้อย ถ้าคุณทำแค่นี้ไม่ได้ ก็เลิกเหอะ(ผมจำได้ว่า ตัวเองซ้อมวนอยู่อย่างนั้นวันละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง) สาเหตุเดียวที่จะปฎิบัติตามแบบฝึกนี้ไม่ได้ก็คือ ความคิดของคุณเอง "ดีดอยู่แค่เนี้ย ใครๆ ก็ดีดได้ กินเงินค่าสอนฟรีนี่หว่า" ครับ จบเลยครับเลิกเล่นไปได้เลยครับ
มีเหตุผลหลักๆอยู่ 2 ประการในการเป็นนักเล่นกีตาร์ที่จะมีอนาคตที่สดใส
หนึ่ง วินัย..สำคัญมาก ถ้าคุณปฎิบัติแบบโง่ๆเซ่อๆ นี้ได้ด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังแล้ว แสดงว่า ต่อไปคุณก็จะมีวินัยในการซ้อมอย่างสม่ำเสมอ อย่างอดทน อย่าใจร้อนด่วนได้
สอง กีตาร์คลาสสิคต้องใช้ประสาทสัมผัสอันเป็นเลิศ เหนือมนุษย์ธรรมดาจะมีได้(ที่ผมเรียกว่า มั่วมาก กล่าวคือ นิ้วไหนจะไปดีดสายไหนก็ได้ตอนไหนก็ได้แรงเบาอย่างไรก็ได้ ด้วยมุมของมือเท่าไหร่ก็ได้ ตรงส่วนไหนของสายกีตาร์ก็ได้)
คราวนี้ไอ้สิ่งนี้มันไม่ใช่ความจำครับ มันคือ บุคลิกภาพ ซึ่งมันจะเกิดได้จากการทำอะไรที่ไม่ซับซ้อน ต่อเนื่องกันนานๆ **ข้อแม้คือ ต้องไม่ซับซ้อน(เมมโมรี่นี้ อยู่ในสมองน้อยในส่วนเดียวกับการทรงตัวและประสาทอัตโนมัติ ไม่ได้อยู่ที่สมองส่วนหน้าที่เราใช้ในการจำ)
....เป็นเวลา 4 เดือน ในช่วงวัย 31 ปีของผม จากพื้นฐานเกากีตาร์งูๆปลาๆจับคอร์ด F แบบบอดๆ เป็นเวลา 4 เดือนที่ทำให้ ผมอ่านโน้ตได้ เข้าใจพื้นฐานของการเล่นกีตาร์ และเรียนรู้วิธีที่จะพัฒนาตัวเอง ถ้าพูดให้เท่ห์ก็คือ... "พร้อมจะโบยบิน"
หลังจากนั้นไม่นานผมก็กลับไปเรียนกีตาร์อีกครั้งเพราะอยากได้วุฒิทางดนตรีให้เป็นเรื่องเป็นราว จึงเข้าเรียนที่ยามาฮ่ากับ อ.หน่อย รัชพล จนจบเกรด 6 ในเวลา 1 ปี (หลักสูตร 3 ปีครึ่ง) หลังจากนั้นก็สอบเข้าอบรมเป็นครูของยามาฮ่า และสอนกีตาร์เรื่อยมาจนทุกวันนี้ครับ อ.Beewam Pawak
0 comments:
Post a Comment