ทฤษฏีดนตรี ง่ายนิดเดียว

                                                    ทฤษฏีดนตรี ง่ายนิดเดียว ^^ ( 2 )
         สวัสดีครับเพื่อนๆสมาชิก เป็นยังงัยกันบ้างครับ หลังจากที่ผมเขียนไปคราวที่แล้ว คิดว่าเพื่อนสมาชิกคงรู้จัก วิธีหาโน๊ตคีย์ ทางmaj min ไปแล้ว ไม่มากก็น้อย ( จริงๆผมลืมเกือบหมด เพิ่งมานั่งนึกๆตอนเขียนคราวที่แล้วนั่น หละ ^^ ) เดี๋ยววันนี้ผมจะมาเล่า ( ใช้คำว่า เล่า ดีกว่า ดูสนุกๆดี ไม่ซีเรียส ) สิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างในการเล่นดนตรี อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ โครงสร้างคอร์ท และ คอร์ทที่อยู่ในคีย์ ว่าและ เราไปดูกันเลยดีกว่า ^^
คอร์ท คืออะไร 
         คอร์ท คือการรวมตัวของเสียง ตั้งแต่ 3 เสียงขึ้นไป ( เรียกคอร์ทสามเสียงว่า ไทรแอท Third ) บางตำราก็บอกว่า ต้อง 4 เสียงถึงเรียกคอร์ท บางตำราก็บอกว่า 2 เสียงนี่ก็คอร์ทแล้ว ( พาวเวอร์คอร์ท ที่เราเล่นๆกันนั่น หละ ) เอาเป็นว่า ช่างมัน ไม่ใช่สาระสำคัญ สาระมันมีอยู่ว่า เราจะรุ้ได้ยังงัย ว่าคอร์ทไหนมีโน๊ตอะไร มากกว่า มาดูวิธีกันครับ ^^ ก่อนอื่นเรามารู้จักกับ เจ้าสิ่งที่เรียกว่า " ขั้นคู่ " ก่อนดีกว่าครับ
ขั้นคู่ (  Interval ) คืออะไร ตอบแบบภาษาบ้านๆ คือ ระยะห่างของเสียง ครับ
เอาไว้ทำอะไร  ตอบแบบบ้านๆ ( อีกแล้ว ) เอาไว้บอกว่า ในแต่ละคอร์ท โน๊ตอะไรบ้างระยะห่างเท่าไหร่
แล้วใช้ยังงัย  มานี่ครับ ผมจะเล่าให้ฟัง เริ่มจากมารู้จักกันก่อนว่า คู่ไหน ตัวไหนเรียกว่า อะไรบ้างดีกว่า ^^
C    D   E     F   G   A    B   C       ( ใช้ คีย์ C เป็นตัวอย่าง )
1    2    3    4    5   6    7    8      ( ใช้ตัวเลขแทนตัวโน๊ต )
M  M   M   P    P   M  M   P     ( M = Maj ,  P = Perfect )
C ---> D ( คู่ 2 Maj )                                                C ---> A ( คู่ 6 Maj )       
C ---> E ( คู่ 3Maj )                                        C ---> B ( คู่ 7 Maj )
C ---> F ( คู่ 4 Perfect )                                         C ---> C ( octave หรือ unison )
C ---> G ( คู่ 5 Perfect )
ทีนี้ ถ้า C---> Bb หละหรือ  C --- > F# หละ เรียกว่าอะไร ให้ดูเปรียบเทียบ ตารางนี้ครับ
1.Dim <<<<< ครึ่งเสียง  min <<<<< ครึ่งเสียง  Maj   ครึ่งเสียง  >>>  Aug
C ---> Bb  จะเห็นได้ว่า ถ้าเรานับจาก C ไป B มันจะได้เท่ากับ คู่ 7Maj แต่ในกรณีนี้ Bb ต่ำกว่า B อยู่ครึ่งเสียง เพราะฉะนั้น C ---> Bb จะเป็น คู่ 7 Min ครับ
2.Dim <<<<< ครึ่งเสียง  Per  ครึ่งเสียง >>>> Aug
C---> F# ปกติถ้า C ---> F เราจะได้คู่4 เพอเฟค แต่ในกรณีนี้ F# สูงกว่าครึ่งเสียง มันก็จะได้เท่ากับ คู่ 4 Aug ครับ
เพื่อนๆสมาชิกหลายๆท่านคงนึกอยู่ในใจ เมื่อไหร่ไอ้คนเขียนจะเล่าเรื่องโครงสร้างคอร์ทซะที มาขั้นคงขั้นคู่อะไรอยู่ได้ เดี๋ยวครับใจเย็นๆ อย่าเพิ่งใจร้อน อยากให้เพื่อนๆ ลองทำให้ได้ทุกคีย์ จำให้ได้ เพราะมันจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆสมาชิกมาก ในตอนหลัง ที่เราเจอคอร์ทแปลกๆ ประเภท BbMaj9#11 Adim7b9 บลาๆๆๆ หรือคอร์ทอะไรก็ตามที่ตัวเลขเยอะๆ ถ้าเพื่อนๆแม่นเรื่องขั้นคู่นี่แล้วผมเชื่อว่าสามารถ รู้ได้เลยว่าโน๊ตในคอร์ทนั้นมีอะไรบ้าง ( จริงๆผมเมื่อยหนะ ไม่ใช่อะไร ขออู้แป๊บ ^^ )
มา เรามาต่อกันเรื่องโครงสร้างคอร์ทกันเลย ดีกว่า
สูตรการสร้างคอร์ท มี ( ง่ายๆ ) แบบนี้ครับ ^^  ( เทียบจากโน๊ตในคีย์ C Maj เหมือนเดิม )
1. Maj =  1 3 5 ก็คือ ให้นับ ตัวที่ 1 3 5 ( ขั้นคู่จะเริ่มมาเกี่ยวข้อง ณ บัดนี้ ) เราก็จะได้สูตรเมเจอร์คอร์ทว่า  1 [root ] + คู่ 3Maj + คู่ 5Per  เราก็จะได้โน๊ต C  E  G
2. Min = 1 b3 5 ในกรณีนี้ก็คือ ให้ลดค่าโน๊ตตัวที่ 3 ลงครึ่งเสียงเพราะเสียงที่3 ติดb ( แฟลต ) ก็จะได้สูตร คือ 1 [root] + คู่ 3 min + คู่ 5 Per  เราก็จะได้โน๊ต C  Eb  G
3.Augmented = 1  3Maj  5Aug ในกรณีนี้คือ ให้เพิ่มโน๊ตตัวที่5 อีกครึ่งเสียง เราก็จะได้สูตร คือ 1[root]+คู่ 3เมเจอร์ + คู่ 5Aug  เราก็จะได้โน๊ต C  E  G#
4.Diminished =  1 b3  b5 ในกรณีนี้คือ ลด เสียงที่ 3,5 ลงอย่างละครึ่งเสียง ก็จะได้สูตร 1[root] + คู่ 3 min + คู่ 5Dim( หรือว่า b5 นั่นเอง ) เราก็จะได้โน๊ต C  Eb Gb( หรือ F# )
เมื่อรู้สูตรการการหาคอร์ทต่างๆแล้ว ให้เพื่อนๆลองหาดูว่าในคีย์ C มีคอร์ทอะไรกันบ้าง ( ผมเทียบให้ดูจากโน๊ตในคีย์ทางเมเจอร์ แต่ถ้าเพื่อนๆแม่นเรื่อง โน๊ตในคีย์ กับ ขั้นคู่แล้ว ลองนับเองเลยก็ได้ครับ มีค่าเท่ากัน )เรามาดูวิธีหาคอร์ทในคีย์กันครับ
C  D  E  F  G  A  B  C  D  E  F  G  A  B  C
1. นับ C เป็นตัวที่ 1 และ ตัวที่ 3 และตัวที่ 5  จะได้โน๊ต  C E G เทียบจากโครงสร้างMAJสเกลของC จะได้ เท่ากับ Cmaj
2. นับ D เป็นตัวที่ 1 และตัวที่ 3 และตัวที่ 5 จะได้โน๊ต D  F  A เทียบจากโครงสร้างMAJ สเกของ D ( เพราะ D เป็น root หรือ ตัวที่ 1 หรือ ตัวต่ำสุด ) จะเหนได้ว่า ตรงกับโครงสร้างคอร์ท min 1 3b 5P
3.นับE เป็นตัวที่ 1 แล้วทำตามวิธีข้างบน แล้วลองมาเทียบจากสูตร
4 ขยับโน๊ตไปเรื่อยๆ แล้วลองนับ แล้วเทียบสูตร
เราก็จะได้คอร์ที่อยู่ใน คีย์ C มาดังนี้
C  Dm  Em  F  G Am  Bdim C  ( เมื่อเทียบในทาง Am ซึ่งเป็น Relative ของ C ก็จะได้คอร์ทดังนี้  Am Bdim C Dm Em F G Am ) หรือเขียนเป็นสูตรก็จะได้ดังนี้
Maj = l , llm  , lllm , lv , v , vlm , vlldim  ( สัญลักษณ์ เลขโรมัน ) ถามว่าทำไมต้องเป็นเลขโรมัน ก็เพราะว่า มันเป็นสัญลักษณ์ สากล เขียนใส่ชาร์ตโน๊ต เอาไปให้ใครเล่นก็ได้ครับ ^^
seventh chord (  คอร์ท 4 เสียง )
1. Maj7  โครงสร้าง คือ  1  3M  5P  7M  ( หรือ คอร์ทmaj + คู่ 7 เมเจอร์ )
2. min7 โครงสร้าง คือ  1  3m  5P  7m  ( หรือ คอร์ท min + คู่ 7ไมเนอร์ )
3. Dominant 7 โครงสร้างคือ 1 3M  5P  7m  หรือ คอร์ทmaj + คู่ 7ไมเนอร์ ( คอร์ท 7 ปกติที่เราเล่นๆกันนี่หละครับพวก G7 , A7 อะไรแบบนี้อ่ะครับ )
4. Dim7 ( หรือคอร์ท min7b5 ) โครงสร้างคือ  1 b3 b5 b7  ( หรือคอร์ท Dim + คู่ 7 ไมเนอร์)
ทั้งหมดนี้คือ คอร์ทหลักๆ ที่ใช้กันอยู่ ซึ่งมันสามารถแตกย่อยไปได้อีกมากมายมหาศาล เช่น เทนชั่นคอร์ท ( เรื่องเทนชั่นคอร์ท นี่รบกวนให้เพื่อนๆไปอ่านในบลอคสมาคม ที่น้าเบียร์ Foto Beer เขียนไว้ ซึ่งผมอ่านแล้วผมว่าละเอียดดีทีเดียว ) อยากให้เพื่อนๆ ทำความเข้าใจสิ่งที่ผมเล่าไปให้มากๆ เพราะมันจะต่อยอดไปได้อีก เห็นโครงสร้างตัวเลข ก็ อย่าเพิ่งท้อครับ ใหม่ๆ อาจจะยุ่งยาก หน่อย แต่พอเราจำได้แล้วมันจะเป็นประโยชน์มาก สุดท้ายนี้ผมหวังว่าบทความที่เขียนๆมา ( ตั้งสองตอน แหนะ ^^ ) คงมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อย ติดใจสงสัยอะไรตรงไหน รบกวนโพสถามได้เลยนะครับ มีน้าๆหลายๆท่านยินดีตอบ รวมทั้งผมด้วย ว่างๆจะมาตอบให้ ก็ขอลาเพื่อนๆไปก่อนเลยแล้วกัน ไว้พบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ ^^
ทฤษฏีดนตรีง่ายนิดเดียว ( ที่เหลือยากหมด T_T )

Nithiroj jew

0 comments:

Post a Comment

 

สมาคมคนเล่นกีต้าร์ Design by Insight © 2009